วันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อารยธรรมยุคทองของอินเดีย

ราชวงศ์คุปตะ (Gupta Dynacty) (ค.ศ.320-ค.ศ.535)
      ราชวงศ์เริ่มแรกของอารยธรรมอินเดียสมัยกลางคือ  ราชวงศ์คุปตะ (Gupta Dynacty) ราชวงศ์นี้เป็นราชวงศ์ของชาวอินเดียที่พยายามขึ้นมามีอำนาจแทนราชวงศ์กุษาณะ  ทั้งนี้เนื่องจากพระเจ้าจันทรคุปต์ที่ 1 แห่งแคว้นมคธได้สถาปนาพระองค์เป็นผู้ครอบครองบริเวณลุ่มแม่น้ำคงคาและสามารถขับไล่พวกกุษาณะออกไป  ทรงขยายอาณาจักรออกไปจากแคว้นอัสสัมทางตะวันออกจนถึงที่ราบปัญจาบ พระองค์ทรงมีพระประสงค์จะสร้างจักรวรรดิให้ใหญ่เท่าในสมัยราชวงศ์โมริยะ  ราชวงศ์คุปตะมีความเจริญรุ่งเรืองและมีอำนาจมากที่สุดในสมัยพระเจ้าจันทรคุปต์ที่2 (ค.ศ.375-ค.ศ.415) พระเจ้าจักรพรรดิพระองค์นี้ส่วนใหญ่จะรู้จักในนาม"พระเจ้าวิกรมาทิตย์"หรือ"พระเจ้าจันทรคุปต์วิกรมาทิตย์"สมัยของพระแงค์นับว่าเป็นยุคทองของอารยธรรมอินเดีย (Golden  Age  of  India  Civilization)  กล่าวคือ อารยธรรมอินเดียมีความเจริญสูงสุดในทุกด้าน เช่น  ปรัชญา ศาสนาและความเชื่อ  วรรณคดี ศิลปะ  รวมทั้งวิทยาการสาขาต่างๆ
       ด้านการปกครอง  ราชวงศ์คุปตะมีเมืองหลวงอยู่ที่ปาฏลีบุตร  สมัยนี้ได้นำรูปแบบการปกครองสมัยราชวงศ์โมริยะมาใช้ในการปกครองอาจักร คือ ส่งข้าหลวงออกไปปกครองตามแคว้นต่างๆ  อำนาจของกษัตริย์สูงขึ้นทั้งนี้เพราะกษัตริย์มีฐานะเป็นสมมติเทพและเป็นเทพแห่งพิภพ  ซึ่งจะเห็นได้จากศิลาจารึกที่เมืองอัลลาหาบัดที่จารึกว่า พระเจ้าสมุทรคุปต์มีลักษณะเทียบเท่ากับท้าวกุเวร  ท้าววรุณ  พระอินทร์ และพระยม ซึ่งเป็นจตุโลกบาล  ดังนั้นกษัตริย์จึงมีอำนาจเด็ดขาด   สาเหตุที่มีความคิดลักษณะนี้ก็มาจากกษัตริย์ต้องทำหน้าที่ปกป้องอินเดียให้พ้นจากภัยของต่างชาติ  ดังนั้นจึงพยายามจัดการปกครองภายในประเทศให้มั่นคง  เพื่อเตรียมพร้อมป้องกันการรุกรานจากศัตรูภายนอก
      ส่วนการขยายอาณาเขต โดยเฉพาะในสมัยพระเจ้าจันทรคุปต์ที่ 1  ทรงใช้นโยบายการแต่งงานเป็นการแสวงหาอำนาจ  กล่าวคือ  พระองค์ทรงอภิเษกกับพระธิดาแห่งแคว้นลิจฉวีซึ่งมีอำนาจมากในขณะนั้น  และในสมัยพระเจ้าจันทรคุปต์ที่ 2  ก็เช่นกัน  พระองค์ทรงขยายอาณาเขตด้วยการอภิเษกกับพระธิดาของกษัตริย์วากาฎะกัส(Vakatakas) ซึ่งปกครองมัธยมประเทศ  ขณะเดียวกันก็ทรงใช้นโยบายการรุกรานด้วยเช่นกัน  โดยพระเจ้าจันทรคุปต์ที่ 2  ได้ส่งกองทัพปราบปรามแคว้นเบงกอลและมณฑลของสกะทางตะวันตก ทำให้ทรงขยายอาณาจักรออกไปอย่างกว้างขวาง  โดยทางเหนือขยายไปจนถึงเทือกเขาหิมาลัยเลยไปจนถึงแถบดินแดนลุ่มแม่น้ำนราทา
          ด้านสังคม  หลักฐานของชาวต่างชาติที่เดินทางไปในอินเดียในยุคนี้ คือ หลวงจีนฟาเหียน (Fahien)ซึ่งท่านจาริกแแกจากจีนในปี ค.ศ.399 อยู่ในอินเดียเป็นเวลา 6 ปี (ค.ศ.405-ค.ศ.411)ในรัชสมัยของพระเจ้าจันทรคุปต์ที่ 2 ท่านได้เขียนพรรณนาความเจริญของอินเดียว่าพลเมืองร่ำรวยมีความสุข  ตามเมืองต่างๆ มีสุขศาลาหลายแห่ง สร้างโรงทาน มีการแจกอาหาร เครื่องดื่ม และยาให้แก่คนยากจนโดยไม่คิดเงิน ไม่มีคนดื่มสุรา และยาเสพติด ไม่บริโภคเนื้อสัตว์  การลงโทษทางอาญาไม่ใช้วิธีการลงโทษทางกายแต่จะลงโทษโดยการปรับเป็นเงินแทน และในระยะนี้สังคมได้ฟื้นฟูอารยธรรมของฮินดูที่เสื่อมโทรมมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์โมริยะขึ้นมาอีกครั้ง
         สำหรับสถานะของสตรีในวรรณะสูงยังมีบทบาทอยู่มาก ในบางเขตสตรีมีบทบาทเด่นในด้านการปกครองและในบางเขตสตรีดำรงตำแหน่งข้าหลวงมณฑล
   

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.