อารยธรรมมนุษย์มีการพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง กล่าวคือ เริ่มต้นจากสมัยที่มนุษย์มีชีวิตเร่ร่อน หาอาหารที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ต่อมาเริ่มมีการเรียนรู้การทำภาชนะถ้วยชาม เป็นการเข้าสู่สมัยที่เริ่มลงหลักปักฐานอยู่กับที่ อาศัยอยู่ในกระท่อมที่ก่อสร้างด้วยดินอย่างหยาบๆ ดำรงชีวิตด้วยการล่าสัตว์ และเริ่มรู้จักการนุ่งห่มร่างกายด้วยหนังสัตว์ ต่อมาเมื่อมนุษย์เริ่มจากการนุ่งห่มร่างกายด้วยหนังสัตว์ เริ่มรู้จักการสื่อสารด้วยภาษา ด้วยสัญญาณเสียง เริ่มประดิษฐ์ตัวอักษร เริ่มมีบ้านเป็นที่เป็นหลักเป็นแหล่งมั่นคง และมีการรวมตัวกันเป้นสังคมเมือง ในที่สุดสร้างอารยธรรมขึ้นมาได้ ซึ่งพัฒนาการของอารยธรรมมนุษย์ตั้งแต่กล่าวมานี้ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ยุค คือ
1.สมัยก่อนประวัติศาสตร์ (Pre-historic Age)
หมายถึง ช่วงเวลาสมัยที่มนุษย์ยังไม่รู้จักการบันทึกเรื่องราวต่างๆไว้เป็นรายลักษณ์อักษร หรือยังไม่มีการจดบันทึกเป็น "ภาษาเขียน" ชนิดที่คนปัจจุบันอ่านหรือสามารถถอดความหมายออกมาได้ สมัยก่อนประวัติศาสตร์นี้ครอบครุมระยะเวลาตั้งแต่ช่วงที่เกิดมนุษย์ขึ้นในโลกนี้ถึงช่วงที่คนเริ่มมาการจดบันทึกเรื่องราวต่างๆของตนเอง หรือในระยะเริ่มต้นของสมัยประวัติศาสตร์นั่นเอง โดยสามารถแบ่งสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ออกได้เป็น 4 ยุค คือ หินเก่า หินกลาง หินใหม่ และยุคโลหะ ความเจริญของมนุษย์สมัยประวัติศาสตร์ จะมีทั้งในโลกตะวันออกและโลกตะวันตก
2.สมัยประวัติศาสตร์ (Historic Age)
หมายถึง สมัยที่มนุษย์รู้จักการคิดค้นประดิษฐ์ตัวอักษรขึ้นใช้เป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งตัวอักษรที่ประดิษฐ์ขึ้นใช้นี้อาจมีลักษณะแตกต่างจากตัวอักษรที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน แต่ตัวอักษรนี้จะต้องสามารถถอดความหมายออกมาได้ โดยการเริ่มต้นสมัยประวัติศาสตร์ในดินแดนต่างๆของโลก จะมีวิวัฒนาการแต่กต่างกันดังนั้นการเริ่มมีการประดิษฐ์ตัวอักษรขึ้นใช้ในแต่ละแห่งจึงเกิดขึ้นไม่พร้อมกัน ทำให้การสิ้นสุดของสมัยก่อนประวัติศาสตร์และการเริ่มต้นของวสมัยประวัติศาสตร์ในดินแดนต่างๆของโลกแตกต่างกันตามไปด้วย โดยในช่วงเวลาที่มีการใช้โลหะ โดยเฉพาะทองแดงและสำริดในบางท้องที่สันนิษฐานว่า ได้มีการประดิษฐ์ตัวอักษรขึ้นใช้แล้ว และได้มีการขีดเขียนเรื่องราวบางอย่างไว้เป็นรายลักษณ์อักษร การค้นพบวิธีการเขียนตัวอักษรยังช่วยให้เกิดประโยชน์ทั้งด้านเศรษฐกิจและการปกครอง โดยจะช่วยให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและยังช่วยในการจัดระเบียบ การสั่งงาน และการควบคุมคนได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย นอกจากนั้นการจดบันทึกเรื่องราวต่างๆ ยังเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการสร้างเสริมอารยธรรมของคนรุ่นต่อมาอีกด้วย
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น