ดินแดนตะวันออกเฉียงใต้มีการติดต่อแลกเปลี่ยนอารธรรมกับภายในมาช้านาน ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากร่องรอยหลักฐานทางด้านโบราณคดีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การติดต่อแลกเปลี่ยนอารธรรมกับภายนอกในดินแดนดังกล่าวเกิดขึ้นประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 2-3 อารธรรมที่เข้ามามีบทบาทในตะวันออกเฉียงใต้ มีดังนี้
1.อารธรรมอินเดีย
การติดต่อระหว่างเมืองท่าตามฝั่งทะเลตะวันตกของตะวันออกเฉียงใต้กับอินเดียอาจมีมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งการติดต่อนั้นมีทั้งคนอินเดียเดินทางมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และในทำนองเดียวกันคนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก้เดินทางไปยังอินเดียเช่นกัน การติดต่อระหว่างคนสองอารธรรมได้ดำเนินเรื่อยๆมาจนกระทั่งคริสต์ศตวรรษที่ 2-3 คนสองดินแดนนี้มีการติดต่อกันมากขึ้น โดยพบหลักฐานทางด้านวรรณคดี คือ ศิลาจารึกภาษาสันสกฤต และพระพุทธรูปศิลปะอมราวดีทางตอนใต้ของประเทศอินเดีย การรับอารธรรมอินเดียในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นไปอย่างช้าๆ แต่ฝังรากลึกลงในดินแดนแถบนี้จนกระทั่งปัจจุบัน
หลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงการติดต่อระหว่างอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีทั้งจากหลักฐานที่พบภายในดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และหลักฐานจากภายนอก ดังนี้
1.หลักฐานภายใน ที่เป็นลายลักษณ์อักษรมีหลักฐานที่เป็นจารึกเกี่ยวกับอาณาจักรฟูนันศรีเกษตร ทวารวดี เรื่อยไปจนถึงอาณาจักต่างๆ ในแหลมมลายู จารึกเหล่านี้ส่วนใหญ่เขียนเป็นภาาาสันสกฤต ด้วยตัวอักษาสมัยราชวงศ์ปัลลวะ ซึ่งมีอายุอยู่ในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 4 นอกจากนี้ยังพบอิทธิพลของตัวอักษาสมัยก่อนนาครีจากแคว้นเบงกอลทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย แพร่เข้ามาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในช่วง ค.ศ.707-807 ด้วย
2.หลักฐานภายนอก มีดังนี้
(1) หลักฐานอินเดีย วรรณคดีของอินเดีย และชาดกในพุทธศาสนา รวมถึงนิทานของอินเดียสมัยโบราณ มีการกล่าวถึงชื่อที่มีนัยยะหมายถึงดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น วรรณคดีเรื่องรามายณะ กล่าวถึง "ยวทวีป" ซึ่งหมายถึง เกาะเงินเกาะทอง นักวิชาการสันนิษฐานว่า "ยวทวีป" คือ เกาะชวาและสุมาตรา นอกจากนี้ในคัมภีร์อรรถศาสตร์ ได้มีการกล่าวถึง เรื่องราวการอพยพชาวอินเดียวไปยังดินแดนแห่งใหม่ และดินแดนแห่งนั้นสันนิษฐานว่า คือ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ข้อมูลนี้ดูจะสอดคล้องกับหลักฐานประเภทเรื่องเล่าพื้นบ้านของอาณาจักรขอมโบราณที่กล่าวว่า พราหมณ์อินเดียได้เดินทางทางทะเล และมาตั้งถิ่นฐานในบริเวณที่สันนิษฐานว่าเป็นอาณาจักรฟูนัน
(2) หลักฐานจีน จดหมายจีนได้เล่าเรื่องราวที่แสดงถึงการติดต่อระหว่างอินเดียวกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งกล่าวว่า มีพราหมณ์ชื่อโกฑินยะ ได้เดินทางมายังดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในราวคริสต์ศตวรรษที่ 1-2 และแต่งงานกับหญิงชาวพื้นเมือง
(3) หลักฐานโรมัน เช่นหนังสือเรื่อง ภิมิศาสตร์ วึ่งเขียนเมื่อประมาณ ค.ศ. 165 ของปโตเลมี (Ptolemy) ในหนังสือแสดงให้เห็นลักษณะเด่นๆ ของผืนแผ่นดินใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อย่างชัดเจน
2.อารธรรมจีน
หลักฐานเอกสารของจีนได้ให้ข้อมูลว่า ชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการติดต่อกับชาวจีนอย่างช้าที่สุดก็ในคริสต์ศตวรรษที่ 1-2 ซึ่งเป็นเวลาใกล้เคียงกับการที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ติดต่อกับอินเดีย แม้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะได้ติดต่อกับจีนในเวลาที่ใกล้เคียงกับอินเดียก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าการแพร่กระจายของอารธรรมจากจีนจำกัดกว่าอารธรรมอินเดีย ประเด็นนี้ หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ทรงชี้แจงให้เหตุผลไว้ว่า อาจจะเนื่องจากว่าประเทศจีนแผ่อารธรรมไปพร้อมกับการชนายอำนาจ อีกทั้งต้องการให้ชนชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รับรองอำนาจอันยิ่งใหญ่ของตนด้วยการส่งบรรณาการไปถวายจักรพรรดิจีน ดังนั้นอารธรรมจีนที่แผ่เข้ามาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จีงอยู่ในวงจำกัด
อารธรรมจีนที่แพร่เข้ามาในเอเชียตะวันออกนั้นดูเหมือนจะมีอิทธิพลในอาณาจักรลินยี่ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของอาณาจักรจัมปา (ในดินแดนเวียดนามปัจจุบัน) เนื่องจากอาณาจักรลินยี่มีการติดต่อกับจีนมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์แล้ว
3.อารธรรมอิหร่าน
อารธรรมอิหร่านเจริญรุ่งเรืองขึ้นในบริเวณดินแดนของประเทศอิหร่านในปัจจุบัน ชาวเปอร์เซียเข้ามาค้าขายในดินแดนเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาเป็นระยะเวลานานกว่าพันปี ทั้งนี้นักวิชาการบางคนเชื่อว่าชาวอิหร่านเข้ามาแถบนี้อย่างช้าก้คริสต?ศตวรรษที่ 7 เมื่อพิจารณาจากหลักฐานทางภาษา พบว่า ข้อความในจารึกที่ 1 จารึกพ่อขุนรามคำแหง มีคำว่า ตลาดปสาน ซึ่งสันนิษฐานว่า มาจากคำในภาษาอิหร่านว่า บาซาร์ หลักฐานจากจารึกดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงอารธรรมอิหร่านที่แพร่เข้ามาในดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
หลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงการติดต่อระหว่างอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีทั้งจากหลักฐานที่พบภายในดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และหลักฐานจากภายนอก ดังนี้
1.หลักฐานภายใน ที่เป็นลายลักษณ์อักษรมีหลักฐานที่เป็นจารึกเกี่ยวกับอาณาจักรฟูนันศรีเกษตร ทวารวดี เรื่อยไปจนถึงอาณาจักต่างๆ ในแหลมมลายู จารึกเหล่านี้ส่วนใหญ่เขียนเป็นภาาาสันสกฤต ด้วยตัวอักษาสมัยราชวงศ์ปัลลวะ ซึ่งมีอายุอยู่ในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 4 นอกจากนี้ยังพบอิทธิพลของตัวอักษาสมัยก่อนนาครีจากแคว้นเบงกอลทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย แพร่เข้ามาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในช่วง ค.ศ.707-807 ด้วย
2.หลักฐานภายนอก มีดังนี้
(1) หลักฐานอินเดีย วรรณคดีของอินเดีย และชาดกในพุทธศาสนา รวมถึงนิทานของอินเดียสมัยโบราณ มีการกล่าวถึงชื่อที่มีนัยยะหมายถึงดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น วรรณคดีเรื่องรามายณะ กล่าวถึง "ยวทวีป" ซึ่งหมายถึง เกาะเงินเกาะทอง นักวิชาการสันนิษฐานว่า "ยวทวีป" คือ เกาะชวาและสุมาตรา นอกจากนี้ในคัมภีร์อรรถศาสตร์ ได้มีการกล่าวถึง เรื่องราวการอพยพชาวอินเดียวไปยังดินแดนแห่งใหม่ และดินแดนแห่งนั้นสันนิษฐานว่า คือ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ข้อมูลนี้ดูจะสอดคล้องกับหลักฐานประเภทเรื่องเล่าพื้นบ้านของอาณาจักรขอมโบราณที่กล่าวว่า พราหมณ์อินเดียได้เดินทางทางทะเล และมาตั้งถิ่นฐานในบริเวณที่สันนิษฐานว่าเป็นอาณาจักรฟูนัน
(2) หลักฐานจีน จดหมายจีนได้เล่าเรื่องราวที่แสดงถึงการติดต่อระหว่างอินเดียวกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งกล่าวว่า มีพราหมณ์ชื่อโกฑินยะ ได้เดินทางมายังดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในราวคริสต์ศตวรรษที่ 1-2 และแต่งงานกับหญิงชาวพื้นเมือง
(3) หลักฐานโรมัน เช่นหนังสือเรื่อง ภิมิศาสตร์ วึ่งเขียนเมื่อประมาณ ค.ศ. 165 ของปโตเลมี (Ptolemy) ในหนังสือแสดงให้เห็นลักษณะเด่นๆ ของผืนแผ่นดินใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อย่างชัดเจน
2.อารธรรมจีน
หลักฐานเอกสารของจีนได้ให้ข้อมูลว่า ชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการติดต่อกับชาวจีนอย่างช้าที่สุดก็ในคริสต์ศตวรรษที่ 1-2 ซึ่งเป็นเวลาใกล้เคียงกับการที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ติดต่อกับอินเดีย แม้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะได้ติดต่อกับจีนในเวลาที่ใกล้เคียงกับอินเดียก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าการแพร่กระจายของอารธรรมจากจีนจำกัดกว่าอารธรรมอินเดีย ประเด็นนี้ หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ทรงชี้แจงให้เหตุผลไว้ว่า อาจจะเนื่องจากว่าประเทศจีนแผ่อารธรรมไปพร้อมกับการชนายอำนาจ อีกทั้งต้องการให้ชนชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รับรองอำนาจอันยิ่งใหญ่ของตนด้วยการส่งบรรณาการไปถวายจักรพรรดิจีน ดังนั้นอารธรรมจีนที่แผ่เข้ามาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จีงอยู่ในวงจำกัด
อารธรรมจีนที่แพร่เข้ามาในเอเชียตะวันออกนั้นดูเหมือนจะมีอิทธิพลในอาณาจักรลินยี่ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของอาณาจักรจัมปา (ในดินแดนเวียดนามปัจจุบัน) เนื่องจากอาณาจักรลินยี่มีการติดต่อกับจีนมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์แล้ว
3.อารธรรมอิหร่าน
อารธรรมอิหร่านเจริญรุ่งเรืองขึ้นในบริเวณดินแดนของประเทศอิหร่านในปัจจุบัน ชาวเปอร์เซียเข้ามาค้าขายในดินแดนเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาเป็นระยะเวลานานกว่าพันปี ทั้งนี้นักวิชาการบางคนเชื่อว่าชาวอิหร่านเข้ามาแถบนี้อย่างช้าก้คริสต?ศตวรรษที่ 7 เมื่อพิจารณาจากหลักฐานทางภาษา พบว่า ข้อความในจารึกที่ 1 จารึกพ่อขุนรามคำแหง มีคำว่า ตลาดปสาน ซึ่งสันนิษฐานว่า มาจากคำในภาษาอิหร่านว่า บาซาร์ หลักฐานจากจารึกดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงอารธรรมอิหร่านที่แพร่เข้ามาในดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้